2010-10-07

WALL-E หุ่นน้อยหัวใจรักษ์โลก

Image:  www.techshout.com

ไม่ได้ชม animation sci-fi/fantasy แนวนี้มานานมากแล้ว กับภาพยนต์เรื่อง "วอลล์ อี" ที่ไม่ค่อยจะคุ้นหูกับชื่อภาษาไทยซักเท่าไหร่ เรื่องนี้เป็นหนังที่ออกมาเมื่อปี 2008 อยู่ในช่วงที่มีการรณรงค์เกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างหนัก ไม่ว่าเมืองไทยหรือต่างประเทศ ผมชอบเนื้อหาของ Wall-E ตรงที่มันได้จิกกัดสังคม อันเสื่อมโทรมในปัจจุบัน สังคมที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี ขยะที่ recycle ไม่ได้ ขยะที่มากมายมหาศาล ขยะที่ใช้แล้วทำลายไม่ได้ ขยะที่ยังคงอยู่บนโลก อยู่กับมนุษย์ที่ไม่รู้จักการธำรงค์รักษาสิ่งแวดล้อม

จนวันนึง โลกที่สวยงามก็ไม่สามารถอยู่ได้อีกต่อไป เมื่อบนโลกใบนี้มีแต่ขยะ และสิ่งปฏิกูล มลพิษ ที่มนุษย์ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ จึงต้องระหกระเหินหนีตายออกไปนอกโลก เหมือนเรามีบ้าน แต่บ้านเราอยู่ไม่ได้ เพราะเราไม่ดูแลรักษา สุดท้ายเราก็ต้องหนีออกจากบ้าน ไปหาที่ๆอยู่ได้

บนยานอวกาศนั้นก็เต็มไปด้วยเทคโนโลยี มนุษย์แทบไม่รู้จักวิธีที่จะเดิน ไม่รู้จักการสัมผัส การสื่อสารทุกอย่างต้องผ่านเทคโนโลยี สิ่งต่างๆถูกควบคุมด้วย computer ไม่ว่าจะเสื้อผ้าหน้าผม อาหารการกิน การศึกษา ซึ่งมองในโลกปัจจุบันแล้ว ก็แทบจะไม่ต่างกันเท่าไหร่ เพียงแค่ในหนังมันทำเวอร์ไปนิดก็เท่านั้นเอง

หนังเรื่องนี้สื่อสารถึงผู้คน ทั้งลูกเด็กเล็กแดง ทั้งผู้ใหญ่ได้ดี ว่าถ้าหากเราไม่รักษาโลกใบนี้ไว้แล้ว เราก็จะไม่มีโลกให้อยู่ และหากว่าเราไม่พยายามใช้ชีวิตให้เปลี่ยนแปลงไปมาก เราก็จะรักษาอารยธรรมของมนุษย์ไว้ได้ ยิ่งเปลี่ยนแปลงไปมาก สิ่งที่บรรพบุรุษสร้างเอาไว้ก็จะถูกทำลายลงในที่สุด

ตัวละครเอกในเรื่องนี้ก็จะมี Wall-E เป็นหุ่นยนต์เก็บขยะ ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อทำหน้าที่จัดการขยะที่อยู่บนโลก มันทำงานมากว่า 700 ปี จนเหลืออยู่เพียงตัวเดียว มีเพียงแมลงสาปเท่านั้นที่อยู่เป็นเพื่อนกับมัน จนวันนึง ก็มียานสำรวจลงมาบนโลก เพื่อส่งหุ่นยนต์ชื่อ Eva มาสำรวจข้อมูลทางกายวิภาค และสภาพอากาศบนโลก จนไปเจอกับ Wall-E ทำให้ Wall-E ตกหลุมรัก Eva เข้าเต็มเปา และแล้วหน้าที่ของ Eva ก็สมบูรณ์เมื่อเจอกับความลับบางอย่างบนโลก นั้นก็คือ "กล้าไม้" ซึ่งเป็นการบ่งชี้ว่า ขณะนี้โลกได้จัดการกับมลภาวะต่างๆ ได้หมดแล้ว

และการผจญภัยในอวกาศของ Wall-E ก็เริ่มขึ้น จนในที่สุด ก็สามารถพามนุษย์กลับมายังต้นกำเนิดของตัวเองได้สำเร็จ หลังจากที่พวกเขาห่างบ้านใบนี้ไปนานกว่า 700 ปี

หากเราไม่อยากให้วันนั้นเกิดขึ้น เราก็ควรจะดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและโลกของเราตั้งแต่วันนี้ ไม่ว่าทางข้างหน้าจะยาวไกลเพียงไร สิ่งสำคัญก็ขึ้นอยู่ที่ก้าวแรก ก้าวที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลรักษาโลกใบนี้ครับ

No comments:

Post a Comment